อเลอไทด์ (Alertide)
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สำหรับดูแลระบบประสาทและสมอง ฟื้นฟูความจำ บำรุงสมอง แก้ปัญหา สมาธิสั้น จำยาก ลืมง่าย
นวัตกรรมใหม่ล่าสุด ที่รวมสารสกัดที่ดีที่สุดไว้ในหนึ่งเดียว สมองดี ความจำดี ต้องอเลอไทด์ (Alertide)
ทำไมต้อง อเลอไทด์ (Alertide)... ?
อเลอไทด์ เป็นอาหารเสริมสารบำรุงสมอง สกัดจากธรรมชาติกว่า 12 ชนิด จึงทำให้ไม่เกิดผลข้างเคียงในการใช้งาน ที่มีผลช่วยทำให้งานของสมองสมดุล ทำให้มีสมาธิมากขึ้น มีความสามารถในการจดจำดีขึ้น ควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น
อเลอไทด์ (Alertide) เหมาะสำหรับ...?
► ผู้ที่ต้องการบำรุงดูแลสมอง
► ผู้ที่มีอาการสมาธิสั้น จำยาก ลืมง่าย
► ผู้ที่อยู่ในวัยศึกษา เล่าเรียน ผลการเรียนไม่ดี
► วัยทำงานซึ่งใช้สมองเยอะ แก้ปัญหา สมองล้าบ่อย ๆ
► ผู้ที่วิตกกังวัล เครียด
► ผู้ป่วยความจำเสื่อม หรือเสื่อมจากอายุที่มากขึ้น
► ผู้ป่วย อัลไซเมอร์ สูญเสียความทรงจำ
► ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ สมองเบลอ ไม่ปลอดโปร่ง
≈ ทานได้ทุกเพศ ทุกวัย หญิงตั้งครรภ์ก็ทานได้ ≈
สรรพคุณของ อเลอไทด์ (Alertide)
► ช่วยฟื้นฟูความจำและบำรุงสมอง
► ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
► ช่วยทำลายและขจัดสารพิษจากตับ
► ต้านเซลล์มะเร็ง ลดความเสี่ยงของการเป็นโรค
► ช่วยส่งเสริมการทำงานของต่อมหมวกไต ต่อมใต้สมอง
► บำบัดรักษาการอักเสบของเส้นประสาทในสมอง
► ช่วยบำรุงประสาทและสมองช่วยเพิ่มความจำและความสามารถในการเรียนรู้
► ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
► เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในเม็ดเลือดขาว
► ช่วยกระตุ้นการหลั่งโกร๊ธฮอร์โมน ช่วยแก้ไขอารมณ์ ซึมเศร้า
► ช่วยคลายเครียด ช่วยฟื้นฟูความจำ
► ช่วยป้องกันสมองและตับจากการถูกทำลายจากการดื่มแอลกอฮอล์ ยา และ การสูบบุหรี่
► ช่วยผ่อนคลายความเครียด ทำให้สมาธิดีขึ้น คิดอ่านได้ดีขึ้น
► เพิ่มคุณภาพการหลับ ช่วยให้นอนหลับได้สนิทขึ้น
► ช่วยป้องกัน มะเร็งต่างๆ ลดอาการภูมิแพ้และไข้หวัด
► ช่วยให้มีสมาธิในการเรียน การทำงาน จดจ่อกับสิ่งนั้นๆได้นานยิ่งขึ้น
ขนาดบรรจุ : 30 แคปซูล
ขนาดรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล (ก่อนนอน)
เลขทะเบียน อ.ย. 10-1-06045-1-0040


สรรพคุณของพรมมิ
ตามตำรายาไทยนั้น เป็น พืชสมุนไพร ใช้เป็นยาขับโลหิต แก้ไข้ ขับพิษร้อน ขับเสมหะ บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ และบำรุงประสาท ผ่านการทดสอบประสิทธิผลและความปลอดภัย เหมาะกับผู้ที่มีความต้องการชะลอความเสื่อมของสมอง
พรมมิ มีกลไลในการป้องกันสมองเสื่อมได้อย่างไร...?
เพิ่มความหนาแน่นของเซลล์ประสาทในสมองซึ่งเกี่ยวกับการเรียนรู้ และการเก็บข้อมูล ทำให้มีปริมาณสารสื่อประสาทมากขึ้น ได้แก่ การตื่นตัว การเรียนรู้ และความจำควบคุมการเคลื่อนไหว เพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่สมอง แต่ไม่มีผลต่อความดันโลหิต
พรมมิ ต่างกับ แปะก๊วย อย่างไร...?
ผลการศึกษาวิจัยของพรมมิ และ แปะก๊วย ต่อการเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนโลหิตบนผิวเปลือกสมอง ความดันโลหิต และอัตราการเต้นของหัวใจ พบว่า
♦ เหมือนกัน คือ สารสกัดสมุนไพรทั้ง 2 ชนิด มีประสิทธิผลในการเพิ่มการไหลเวียนโลหิตบริเวณหลอดเลือดแดงบนเยื่อหุ้มสมอง
♦ ต่างกัน คือ พรมมิไม่มีผลทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจเปลี่ยนแปลงไป
พรมมิ มีความปลอดภัยในการใช้หรือไม่...?
พรมมิ มีความปลอดภัยเนื่องจากมีการใช้มายาวนานทั้งในตำรับยาไทยและตำรับยาอายุรเวท ของอินเดีย อีกทั้งมีการศึกษาพิษเฉียบพลัน การศึกษาพิษกึ่งเรื้อรัง และการศึกษาพิษเรื้อรัง รวมทั้งการศึกษาในมนุษย์ ก็ไม่พบพิษหรืออาการข้างเคียง

คือส่วนที่สกัดมาจากส่วนของเนื้อ หนัง หัว และหางของปลา โดยเฉพาะปลาในเขตหนาว ซึ่งในน้ำมันปลาจะมีกรดไขมันอยู่หลายชนิด
น้ำมันปลาประกอบด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 และกรดไขมันโอเมก้า-6 สำหรับกรดไขมันโอเมก้า-3 นั้นจะแบ่งออกเป็น EPA และ DHA เป็นหลัก ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก เพราะว่าร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ และต้องได้รับจากสารอาหารเท่านั้น สำหรับกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า-6 นั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะช่วยลดไขมันในเลือดได้
นอกจากปลาแล้วยังพบมากในน้ำมันพืชหลายชนิด เช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น
น้ำมันปลา จากแหล่งธรรมชาติที่ดีควรมาจากปลาทะเล อย่างเช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาบะ ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแมคเคอเรล ปลาแอนโชวี่ ปลาไวท์ฟิช ปลาบลูฟิช ปลาชอคฟิช ปลานิลทะเล ปลาดุกทะเล หอยกาบ หอยนางรม หอยพัด กุ้ง ปลาหมึก และสำหรับปลาอื่น ๆ เผื่อไว้เป็นตัวเลือก เช่น ปลาตาเดียว ปลามาฮิมาฮิ ปลากะพงแดง ปลาเทราต์
ประโยชน์ของน้ำมันปลา
► ช่วยบำรุงสุขภาพผิว เส้นผม และเล็บให้มีสุขภาพดี
► น้ํามันปลาช่วยบำรุงประสาทและสมอง ช่วยเพิ่มความจำและความสามารถในการเรียนรู้
► ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกรีเซอไรด์ที่เป็นอันตราย
► ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจวายเฉียบพลัน
► ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
► ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดเส้นเลือดในสมองแตก
► น้ํามันปลาช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว
► ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในกระแสเลือด เพราะไปลดความหนืดของเกล็ดเลือดและลดปริมาณสารไฟบรินในเลือด
► ช่วยรักษาและลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม
► ช่วยบรรเทาอาการคันและแห้งของโรคสะเก็ดเงิน
► ช่วยลดความถี่และความรุนแรงของโรคปวดศีรษะไมเกรน
► ช่วยต่อต้านผลร้ายจากสารโพรสตาแกลนดิน ซึ่งมีส่วนไปลดภูมิต้านทานของโรคและไปเพิ่มการเจริญเติบโตของเนื้องอก
► ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ปวด บวมของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
► ช่วยเพิ่มพัฒนาการในด้านสายตาและสมองของทารก
► ช่วยป้องกันการเกิดภาวะสมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ

เบต้า กลูแคน เป็นสารประเภทคาร์โบไฮเดรต ที่พบในผนังเซลล์ของแบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ สาหร่าย หรือพืช อย่างข้วโอ๊ต และข้าวบาร์เล่ย์ ประกอบด้วยโมเลกุลของน้ำตาลกลูโคส
ประโยชน์ของเบต้า กลูแคนต่อด้านต่างๆ
เบต้า กลูแคน : ช่วยลดคอเลสเตอรอล
จากการศึกษาพบว่า เบต้า กลูแคนที่ทำจากยีสต์ หรือข้าวบาร์เล่ย์ สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลรวม และคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีได้ แต่ทั้งนี้ บางงานวิจัยยังคงให้ผลข้อมูลที่ขัดแย้งที่ว่า การรับประทานเบต้า กลูแคน อาจไม่มีผลต่อระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งน่าจะมาจากวิธีการนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเบต้า กลูแคน
เบต้า กลูแคน : มีผลต่อโรคภูมิแพ้
มีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากมีการศึกษา โดยให้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้รับประทานอาหารเสริม ที่มีส่วนประกอบของเบต้า กลูแคน จากยีสต์ ทุกวัน เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า อาการภูมิแพ้ดีขึ้น และมีภูมิคุ้มกันต่อสิ่งเร้าได้มากขึ้น
เบต้า กลูแคน : กับโรคมะเร็ง
เบต้า กลูแคน เคยถูกนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ด้วยการฉีดเข้าเส้นเลือดดำ หรือฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อ ผลลัพธ์ที่ได้คือ สามารถยืดอายุผู้ป่วยมะเร็งได้ แต่ต้องมีการรักษาต่อเนื่องอย่างน้อย 1 ปี
เบต้า กลูแคน : กระตุ้นภูมิคุ้มกันในผู้ป่วย HIV
จากการวิจัย แสดงให้เห็นว่า การใช้เบต้า กลูแคน ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ 1-2 ครั้ง ทุกสัปดาห์ เพิ่มการทำงานของภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV ได้
เบต้า กลูแคน : ลดอาการของโรคลำไส้แปรปรวน
การใช้ผลิตภัณฑ์หรือยาสำหรับรักษาโรคลำไส้แปรปรวน ที่มีเบต้า กลูแคน และเอนไซม์ย่อยอาหาร ช่วยลดอาการปวด ท้องอืด และลดก๊าซในกระเพาะอาหาร
จัดอยู่ในตระกูลวิตามินบีรวม (Vitamin B Complex) สามารถละลายได้ทั้งในน้ำและแอลกอฮอล์ (Alcohol)
โคลีน ไบทาร์เทรต (Choline Bitartrate) เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทชื่อ อะซิทิลโคลีน (Acetylcholine) ที่มีความเกี่ยวข้องในการกระตุ้นหรือยับยั้งระบบประสาทส่วนกลางและทำหน้าที่เกี่ยวกับการรับความรู้สึกเจ็บปวด ร้อน หนาว การรับรสชาติ การคลื่นไส้ อาเจียน สรีรวิทยาของการตี่น การนอน การฝัน และอาการซึมเศร้า โคลีน (Choline) จึงมีบทบาทต่อความจำและการควบคุมกล้ามเนื้อในร่างกาย
ประโยชน์ของโคลีน
♦ ช่วยลดการสะสมตัวของคอเลสเตอรอลได้
♦ ช่วยทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย
♦ ช่วยกำจัดสารพิษและยาที่ค้างในร่างกาย โดยช่วยเสริมการทำงานของตับ
♦ ช่วยในกระบวนการส่งกระแสประสาท โดยเฉพาะในสมองส่วนที่ทำงานที่ด้านความจำ
♦ช่วยต่อสู้กับปัญหาความจำเสื่อมในวัยสูงอายุ
♦ ช่วยรักษาโรคอัลไซเมอร์ได้
♦ ช่วยป้องกันภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือด
♦ ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ
เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสังเคราะห์ได้ จัดเป็น กรดอะมิโนที่ไม่จำเป็น (non essential amino acid) ลักษณะเป็นผลึกสีขาว ได้จากกระบวนการแยกสลายด้วยน้ำ (ไฮโดรไลซีส) ของโปรตีน เช่น เครซิน และตัวตั้งต้นของอะดรีนาลีน, ฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมไทรอยด์ (ไทรอกซิน) และเม็ดสี (Melanin)
ประโยชน์ของ แอล-ไทโรซีน
มีบทบาทในการกระตุ้นและปรับเปลี่ยนการทำงานของสมอง ส่งเสริมการทำงานของต่อมหมวกไต ต่อมใต้สมอง และต่อมไทรอยด์ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการหลั่งโกร๊ธฮอร์โมน ช่วยแก้ไขอารมณ์ซึมเศร้า ช่วยคลายเครียด ช่วยฟื้นฟูความจำ ช่วยกระตุ้นความรู้สึก เพิ่มแรงขับทางเพศ และการสร้างของนอร์เอพิเนฟวิน ซึ่งช่วยยับยั้งความอยากอาหาร โดยช่วยควบคุมศูนย์กลางความรู้สึกหิวในไฮโปธาลามัสส่วนใต้สมอง ทำหน้าที่เหมือนยาระงับความอยากอาหาร
แหล่งที่พบไทโรซีน ในธรรมชาติ พบมากใน ผลมะเม่า, กล้วย, ผลิตภัณฑ์จากนม, ผลอะโวคาโด, อัลมอนด์, เมล็อฟักทอง และเมล็ดงา
เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับกระแสประสาท ที่ให้ผลในเรื่องการผ่อนคลาย ถูกค้นพบครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น ธีอะนีนเป็นสารสำคัญที่พบมากใน ชาเขียว (Green Tea)
ประโยชน์ของแอล-ธีอะนีน
≈ ช่วยผ่อนคลายความเครียด (Relaxation Effect) ≈
≈ ทำให้สมาธิดีขึ้น คิดอ่านได้ดีขึ้น (Cognitive Enhancing effect) ≈
≈ ลดความเครียดต่อแรงกดดัน (Anti stress effect) ≈
≈ เพิ่มคุณภาพการหลับ ช่วยให้นอนหลับได้สนิทขึ้น (Promote good sleep-wake cycle) ≈
ข้อควรระวังในการใช้ธีอะนีน
เนื่องจาก ธีอะนีน เป็นสารที่มีผลต่อจิต สมาธิ และความเครียด เหมาะในคนปกติที่มีความเครียดในระดับชีวิตประจำวัน ไม่สามารถใช้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคอย่างรุนแรงได้ จึงถือเป็น ข้อห้ามรับประทาน ในผู้ป่วยโรคจิตประสาท ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า โรค จิตเภท ก้าวร้าว หรือ ออทิสทิก และอื่น ๆ รวมทั้งโรคลมชักด้วย และไม่สามารถใช้แทนยาที่แพทย์สั่งได้ กรณีที่เป็นโรคทางจิต ทานยาจิตเวชอยู่ถือเป็นข้อห้ามในการรับประทาน แอล-ธีอะนีน

เป็นกรดอะมิโน ชนิดหนึ่งที่เป็นสารตั้งต้นในการการสร้าง กลูต้าไธโอนให้กับร่างกายโดยจะทำงานร่วมกันกับ ไกลซีน(Glycine) และกรดกลูตามิก(Glutamic acid) ที่มีมากในของร่างกายเรา และสารที่จะสั่งให้เกิดการฟอร์มพันธะเป็นกลูต้าไธโอนได้นั้นคือ กลุ่มวิตามินซี หรือแคลเซี่ยม แอสคอร์เบต (Calcium Ascorbate) สร้างขึ้นที่ตับ
นอกจากนี้ ยังช่วยในการสร้างเอ็นไซม์ต้านอนุมูลอิสระ โดยทำหน้าที่ร่วมกับวิตามินซี ซึ่งได้ร่วมกันซ่อมแซมสารพันธุกรรม ที่อาจเปลี่ยนแปลงการเป็นมะเร็งได้ และยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย
แอล-ซีสเตอีน(L-Cysteine) กับการบำรุงผิว
เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างโปรตีนเคราติน (keratin) ที่ใช้ในการสร้างผิว ผม เล็บให้มีสุขภาพดี ช่วยให้รากผมแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย
แอล-ซีสเตอีน(L-Cysteine) กับเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน(Immune Enhancer)
กระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์หลายชนิดเพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอมรวมถึงเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ช่วยในการสร้างเอ็นไซม์ต้านอนุมูลอิสระ โดยทำหน้าที่ร่วมกับวิตามินซี ซึ่งได้ร่วมกันซ่อมแซมสารพันธุกรรม ที่อาจเปลี่ยนแปลงการเป็นมะเร็งได้ และยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย

โปรตีนจากถั่วเหลือง : เสริมสร้างกล้ามเนื้อ
โปรตีนจากถั่วเหลืองประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็น (Essential Amino Acids) ซึ่งจำเป็นสำหรับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อรวมทั้งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
โปรตีนจากถั่วเหลือง : ปรับสมดุลฮอร์โมน
Isoflavone (Daiazein และ Genistein) มีคุณสมบัติเป็น Phytoestrogen ช่วยบรรเทาอาการอันเนื่องมาจากภาวะหมดประจำเดือนในผู้หญิง เช่น อาการร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน เหงื่อออกในเวลากลางคืน นอนหลับไม่สนิท ผิวพรรณและช่องคลอดแห้ง เป็นต้น
โปรตีนจากถั่วเหลือง : ป้องกันโรคกระดูกพรุน
Isoflavone (Daiazein และ Genistein) ช่วยยับยั้งการสลายแคลเซียมออกจากกระดูก เพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก จึงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
โปรตีนจากถั่วเหลือง : บำรุงผิวพรรณ
Isoflavone (Daiazein และ Genistein) มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์และอวัยวะต่างๆ ในร่างกายและมีคุณสมบัติเป็น Phytoestrogen ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน
โปรตีนจากถั่วเหลือง : ทดแทนมื้ออหาร
โปรตีนจากถั่วเหลืองประกอบด้วยโปรตีนปริมาณสูง มีคาร์โบไฮเดรต คอเลสเตอรอล และน้ำตาลแลคโตสต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารในการควบคุมน้ำหนัก
โปรตีนจากถั่วเหลือง : ลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
ข้อมูลจากองค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกากล่าวว่าการได้รับโปรตีนถั่วเหลือง 25กรัมต่อวัน ร่วมกับอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลต่ำสามารถลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
โปรตีนจากถั่วเหลือง : ป้องกันมะเร็ง
Isoflavone (Daiazein และ Genistein) มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์และอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย นอกจากนี้สาร Genistein ในถั่วเหลือง มีฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสสร้างเส้นเลือดใหม่ (Anti-Angiogenesis)และยับยั้งเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งไม่เจริญเติบโต

เป็นกรดอะมิโน ที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท มีผลดีต่อการทำงานของต่อมหมวกไต ทำหน้าที่หลั่งฮอร์โมนเพศ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงานให้กับร่างกาย ทอรีนจะมีธาตุสังกะสี (Zinc) เป็นตัวส่งเสริมการออกฤทธิ์ให้ได้ผลดียิ่งดีขึ้น
ทอรีนจัดว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อพัฒนาการของระบบประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมองของทารกแรกเกิดและในวัยทารกจะมีปริมาณทอรีนมากกว่าในผู้ใหญ่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในช่วงวัยเจริญเติบโตร่างกายจะต้องการทอรีนในปริมาณมาก
คุณประโยชน์ต่างๆ ของทอรีนต่อร่างกาย
► แก้อาการอ่อนเพลีย รู้สึกสดชื่น และมีพลังในระหว่างวัน
► ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดอาการอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ป้องกันโรควิตกกังวล
► ช่วยรักษาโรคลมชัก ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
► ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจใช้แคลเซียมได้อย่างสมดุลในการหดตัว ซึ่งไม่ทำให้เกิด Calcium Overload ต่อหัวใจ แม้จะอยู่ในสภาวะที่มีระดับแคลเซียมสูง ทำให้เชื่อว่าสามารถช่วยรักษาภาวะหัวใจวายได้
► บำรุงดวงตา ส่งเสริมการมองเห็นและป้องกันศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม และช่วยในการทำงานของเรตินาในการรับแสง ปกป้องเรติน่าจากการทำลายของแสงที่รุนแรงและสารเคมีต่าง ๆ
► เพิ่มการเคลื่อนไหวของตัวอสุจิ สำหรับผู้ชายที่เป็นหมัน (Male Infertility) อันเนื่องจากSperm ไม่เคลื่อนที่หรือไม่มีกำลังเคลื่อนที่ ซึ่งทอรีนจะช่วยให้สภาวะดังกล่าวดีขึ้นได้
► สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง(Hypertension) โดยกลไกจะทำงานเกี่ยวข้องกับระบบ Renin-Angiotension ของไต ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมความดันโลหิต
► ช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาท จึงพบทอรีนมาก ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งกระแสประสาท เช่น สมองส่วนกลาง และพบมากในอวัยวะ ที่เกี่ยวข้องกับการรับสัมผัส และแหล่งรวมกระแสประสาททั้งหลาย
ส่งเสริมการทำงานของอินซูลิน สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
► ช่วยในการทำงานของตับและตับอ่อนโดยการสร้าง Taurocholate ซึ่งจะไปช่วยทำให้ไขมันที่รับประทานเข้าไปแตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆ สามารถถูกย่อยและเผาผลาญได้ง่ายขึ้น ร่างกายของเราจึงสามารถนำพลังงานเหล่านั้นไปใช้เป็นกำลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น
► ช่วยปกป้องปอด โดยป้องกันเนื้อปอดไม่ให้ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ
► ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
► ช่วยในการทำงานของแคลเซียม ช่วยลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
► ช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุชนิดต่างๆ ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

วิตามินบี1
♦ ช่วยบำรุงประสาท กล้ามเนื้อ ทำให้หัวใจทำงานเป็นปกติ
♦ ช่วยบำรุงสมอง ความคิด สติปัญญาให้ดีขึ้น
♦ ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต
♦ ช่วยย่อยอาหารจำพวกแป้งได้ดี
♦ ช่วยบรรเทาอาการเมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน
♦ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหลังการผ่าตัดทำฟัน
♦ ช่วยรักษาโรคงูสวัด
♦ ช่วยรักษาโรคเหน็บชา
วิตามินบี 6
♦ ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรง
♦ ช่วยชะลอวัยได้
♦ ช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในไต
♦ ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
♦ ทำให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนและไขมันได้ดียิ่งขึ้น
♦ ช่วยเปลี่ยนรูปของทริปโตเฟน ให้เป็นวิตามินบี 3
♦ ช่วยป้องกันโรคทางประสาทและโรคผิวหนังหลายชนิด
♦ ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน
♦ เป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติ
♦ ลดอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งในเวลากลางคืน มือชา ขาเป็นตะคริว และปลายประสาทที่แขนขาอักเสบบางชนิด
♦ ช่วยลดอาการปากแห้งและปัญหาด้านการปัสสาวะที่เกิดจากการรับประทานยาต้านอาการซึมเศร้าในกลุ่มไตรไซคลิก
วิตามิน บี12
♦ ช่วยบำรุงประสาททำให้ระบบประสาทแข็งแรงขึ้น
♦ ช่วยเพิ่มสมาธิ ความจำ และการทรงตัว
♦ ช่วยบรรเทาอาการหงุดหงิด ลดความเครียด
♦ ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย
♦ ช่วยทำให้เด็กเจริญอาหาร
♦ ทำให้ร่างกายสามารถใช้ไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตได้อย่างเหมาะสม
♦ มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
♦ ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง
♦ ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งจากการสูบบุหรี่
♦ ปริมาณ 80 ไมโครกรัมต่อวันจะช่วยเสริมสร้างความแข็งของกระดูกและช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนได้
